หลายๆท่านคงอยากทราบว่าไอ้เจ้าลำโพง PMC ที่โด่งดังทั้ง Near Field เช่น Result 6, ซีรีย์ TwoTwo (TwoTwo 5 , TwoTwo 6 , TwoTwo 8) และ main monitors เช่น IB1S-A , IB2S-A , MB3S XBD-A , BB6S XBD-A , QB-1 เหล่านี้มีคุณสมบัติอะไรที่ลำโพง PMC มีแต่คนอื่นไม่มี ถึงได้ทำให้ศิลปินมากมายทั่วโลกรวมทั้งในไทยถึงได้นิยมใช้ PMC กัน
1. ความแม่นยำเที่ยงตรง (Flat Response) พูดประเด็นเรื่องความแม่นยำเที่ยงตรง หลายๆท่านคงเคยได้ยินลำโพงแทบทุกยี่ห้อ พูดแบบนี้ แต่แล้วจริงๆล่ะมีใครได้ทดลองเรื่องนี้กันจริงๆจังๆหรือเปล่า หรือว่าจะทดลองอย่างไร เรื่องนี้จะเชื่อได้อย่างไร วิธีการที่ตรงไปตรงมาไม่มีอคติก็คือ การใช้ Sine Wave ของความถี่ต่างๆ ซึ่งมีความดังเท่าๆกัน ยิงออกมาเข้าไปยังลำโพง ซึ่งด้วยความที่ความดังของไฟล์ที่ดังเท่ากัน ถ้าลำโพง Flat จริงต้องออกมาดังเท่าๆกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราลองยิงไอ้เจ้าความถี่ทดลองนี้เข้าไปจะพบว่าลำโพง Monitors ไม่สามารถให้ความดังแต่ละความถี่เท่ากันได้ (แต่เป็นสิ่งที่ PMC ได้ทำอย่างยอดเยี่ยมมากๆ) โดยเฉพาความถี่ต่ำ มักจะเกิดเสียงแตก หรือที่เราเรียกว่า Distortion ของลำโพง (ผมเชื่อว่าหลายๆท่านต้องเจอบ่อยๆ) ซึ่งปกติเรามักจะหาว่าแตกจากอะไร เช่นแตกจากไมค์หรือว่า premic หรือว่า Interface ซึ่งจุดนี้สำคัญมากๆ เพราเรามักจะไม่ค่อยสงสัยหรือไม่สามารถสงสัยไอ้เจ้าลำโพงเลย ซึ่งในความเป็นจริงซึ่งบ่อยมากๆที่เสียงกระเดื่องหรือความถี่ต่ำ เวลามิกซ์หรือเวลาอัดเกิดอาการแตกที่ลำโพง โดยที่สัญญาณไม่ได้มีอาการแตกก็พบได้บ่อยมากๆ แต่ว่าเราจะไม่สามารถเอะใจหรือว่าทำอะไรอย่างอื่นได้เลยนอกจากหาทางทำให้มันไม่แตก ซึ่งก็จะกลายเป็นว่าเรากำลังไปทำให้สัญญาณผิดเพี้ยนซะเอง ดังนั้นลำโพงที่ดีต้องหรือ Flat ต้องไม่มีอาการแตก ในกรณีที่สัญญาณไม่แตกครับ ไม่งั้นอัดกลองหรือมิกซ์กลองเบส นี่ปวดหัวตายเลยครับ เพราะเวลาเสียงความถี่ต่ำมันแตกพร่าเราก็ไปหาวิธีแก้มันเพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเป็นเพราะลำโพงหรือว่าเพราะสัญญาณ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากของ PMC เพราะว่ามันมีเทคโนโลยี ATL (Advance Transmission Line) ทำให้ความถี่ต่ำสามารถควบคุมได้เป็นอย่างดีและไม่เกิด Distortion เวลาอัดหรือมิกซ์กลองและเบสถ้าสัญญาณไม่แตกครับ
2. ฟังได้นานทำงานได้นานโดยไม่เหนื่อยล้า เพราะฟังง่ายในทุกๆความดัง ปกติแล้วลำโพง Monitor มักจะมี range ความดังในการฟังที่ดีไม่กว้างมากนัก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเปิดเบาไปเบสก็มักจะไม่ออก แต่ถ้าเปิดดังไปก็มักจะมีเสียง distortion เข้ามากวนใจ ซึ่งเรามักจะต้องเลือกลำโพงให้พอดีกับขนาดของห้อง แม้ว่าเราจะเลือกลำโพงได้พอดีกับขนาดของห้อง เราก็ยังมีข้อจำกัดที่ต้องฟังความดัง ณ จุดๆหนึ่งเป็นหลัก ซึ่งปกติแล้วการทำงานเสียงเรามักจะทำงานกันค่อนข้างนานบางทีเป็น 10-12 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว ซึ่งไอ้การฟังนานขนาดนั้นเราต้องการปกป้องหูของเราอย่างมาก ซึ่งด้วย ATL ของเจ้าลำโพง PMC ทำให้มันสามารถฟังได้ทั้งดังและเบา (เพราะมันมี ATL ทำให้มันต้องการ Power ในการขับน้อยลง) ให้เราสามารถเลือกความดังที่ต้องการได้อย่างอิสระทำให้หูไม่ล้าและการทำงานเหนื่อยน้อยลง เมื่อเราล้าน้อยลงกลายเป็นว่าเราทำงานได้ดีขึ้นงานเสร็จเร็วขึ้นก็ยิ่งล้าน้อยลงไปอีก
3. Sweet spot กว้าง (wide dispersion) ปัญหาที่เราพบได้บ่อยๆตามห้อง Home Studio หรือห้องของProducer ซึ่งปัจจุบันมีการสร้างห้องแบบนี้อย่างแพร่หลาย ซึ่งมักจะลงอุปกรณ์แต่ไม่ได้จัดการเรื่อง Acoustic ห้องมากนัก การที่ปกติแล้วลำโพง monitor ทั่วไปมักจะมี sweet spot ไม่กว้างมากนัก ทำให้เวลาเราปรับระยะวางลำโพง ส่วนใหญ่ก็จะปรับกันใช้เวลานานพอดู ยิ่งถ้าห้องที่ไม่ได้ถูกทำ Acoustic มายิ่งวางยากเข้าไปกันใหญ่ บางห้องก็อาจจะต้องปรับไปเรื่อยๆหลายเดือนจนได้จุดฟังที่ดีที่สุด แต่สำหรับ PMC ด้วยการดีไซด์ที่มีลักษณะพิเศษ ทำให้ sweet spot กว้างมาก และทำให้แม้ว่าห้องจะไม่ได้ถูกจัดการมามากนักก็มักจะวางได้ไม่ยากจนเกินไป พูดง่ายๆไม่ต้องปรับจูนหาระยะกันมากนัก ก็มักจะได้เสียงที่น่าพอใจและทำงานได้ไม่ยากแล้ว ผลที่ได้ทำให้ ทำงานได้ง่ายแม้จะอยู่ในห้องที่ไม่ได้จัดการเรื่อง Acoustic มากนัก และง่ายต่อการวาง
4. Match Pair ปกติแล้วตามที่บอกไว้ข้างต้น ทุกๆคนต้องการลำโพงที่เที่ยงตรง และลำโพงมักจะนำเสนอความเที่ยงตรง แต่ก่อนที่ถามว่ามันเที่ยงตรงแค่ไหน ต้องถามว่าไอ้ลำโพงสองข้างที่มีอยู่มันตรงกันเองหรือเปล่าก่อน ซึ่ง ลำโพง PMC ได้ทำ Match Pair หรือทำให้ลำโพงสองข้างตรงกัน ด้วยการทำ 2% Tolerance ก็คือใช้มือวัด ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทุกๆชิ้น ว่าสองข้างต้องมีค่าต่างกันได้ไม่เกิน 2% ในทุกๆชิ้น ซึ่งต้องใช้มือมาวัดซ้ำอีกครั้งทั้งหมด พูดง่ายๆก็คือโดน Handmade in UK เลยนั่นเองครับ ความ match pair ที่ว่านี้ทำให้ sound stage ชัดเจนฟังเครื่องดนตรีหรือเสียงร้องจะชัดเหมือนมาอยู่ตรงหน้า จนหลายๆคนบอกว่าเราสามารถกอดเสียงมันได้เลยทีเดียวหรือเรียกว่า you can hug your voice เลยทีเดียวครับ
5. ได้ทำงานบน Monitor ที่ห้องอัดระดับโลก ศิลปินระดับโลกใช้ และ นักดนตรี Producer และ Sound engineer ชั้นนำเมืองไทยใช้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ศิลปินในตำนานอย่าง Prince , Brian May(มือกีตาร์วง Queen) หรือห้องอัดที่โด่งดังเรื่อง Mastering ที่สุดในโลกอย่าง Metropolis ที่ Master งานอย่าง Ed Sheeran , Katy Perry , amy winehouse และกว่า 60% ของรางวัล Brit Awards ก็ใช้ PMC ในการทำงาน Mastering ด้วยกันทั้งหมด ของฝั่งอเมริกาก็ใช้เยอะไม่แพ้กันเช่นกันครับ
Comments