Dr. Dre อัปเกรด Aftermath Entertainment ด้วยมิกซ์คอนโซล Solid State Logic Duality Fuse SuperAnalogue™ ขนาด 96 Input!!
- Vintage Studio
- 24 ก.ค.
- ยาว 2 นาที
ศิลปินฮิปฮอป และโปรดิวเซอร์ อีกทั้งยังเป็นผู้บริหารค่ายเพลงอย่าง Dr. Dre ได้อัปเกรดห้องหลักในสตูดิโอ Aftermath Entertainment ของเขาที่ลอสแอนเจลิส ด้วยการติดตั้ง มิกซ์คอนโซล Solid State Logic Duality Fuse SuperAnalogue™ ขนาด 96 Input
Dr. Dre ผู้ที่สร้างอัลบั้มเดี่ยวสุดคลาสสิกในปี 1992 อย่าง The Chronic ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวแนวเพลง G-Funk ให้คนทั้งโลกได้รู้จัก และกลายเป็นภาพจำของฮิปฮอปฝั่ง West Coast เขาเคยเป็นเจ้าของหรือทำงานกับคอนโซล SSL Large format ทุกรุ่นตั้งแต่ยุค E Series โดยเขากล่าวว่า
"รักแรกในชีวิตผมคือมิกเซอร์ SSL"
หัวหน้า Sound Engineer ของ Aftermath Entertainment คือ Quentin “Q” Gilkey ซึ่งนอกจากจะทำงานร่วมกับ Dr. Dre แล้ว เขายังดูแลศิลปินในค่ายหลายคน เช่น Eminem, Kendrick Lamar, Anderson .Paak, The Game และ Earl Sweatshirt โดยเขาเริ่มทำงานกับ Dr. Dre ตั้งแต่ 15 ปีก่อน และกลายเป็นวิศวกรหลักของ Aftermath ตั้งแต่ปี 2014

อย่างแรก Gilkey กล่าวว่า “เพราะ Dre มิกซ์งานโดยใช้ทั้งบอร์ด ในกรณีของเรา ใช้ครบทั้ง 96 แชนแนล เราจึงต้องการระบบที่สามารถเรียกคืนการตั้งค่าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบ Total Recall ก็ให้สิ่งนั้นได้”
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ Dr. Dre ตัดสินใจเลือกใช้ Duality Fuse คือความสามารถในการให้หลายคนช่วยกันเรียกคืนการตั้งค่าต่าง ๆ ของคอนโซลได้พร้อมกัน ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก
เหตุผลที่สอง เขากล่าวต่อว่า คอนโซลอะนาล็อกรุ่นเก่ามักต้องการการซ่อมบำรุงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนั่นส่งผลให้ต้องหยุดงานระหว่างรอการแก้ไข “แต่กับ Duality Fuse เรารู้เลยว่าเราจะไม่ต้องเจอปัญหาแบบนั้นอีก ในสตูดิโอสมัยนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วกว่าสมัยที่ใช้เทปมาก ตอนนี้เราสามารถคงไว้ซึ่งเสียงอะนาล็อกในแบบที่เราชอบ โดยไม่ต้องเจอกับภาระการบำรุงรักษาเหมือนเมื่อก่อน”

Gilkey กล่าวว่า Aftermath Entertainment ใช้คอนโซล SSL แบบอนาล็อกมาเป็นเวลาหลายสิบปี เพราะให้เสียงที่มีมิติและพลังอันโดดเด่น “ไม่มีอะไรเหมือนกับความลึกที่ได้จากการมิกซ์บน SSL เลยจริง ๆ และ Duality Fuse ก็ยกระดับตรงจุดนี้ขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งเรารู้สึกได้ชัดเจน นั่นคือสิ่งที่แตกต่างมากที่สุดในความรู้สึกของผม เพราะเมื่อคุณกระจายทุกอย่างออกแล้วมิกซ์ด้วย Duality Fuse มันสามารถขับเน้นและยกระดับความสูง ความกว้าง และความลึกของเสียง ได้มากกว่าการมิกซ์แบบ in-the-box อย่างเห็นได้ชัด”
Parametric EQ 4 Band ของ Duality Fuse ได้รับการออกแบบโดยอิงจาก EQ รุ่น “242 Black Knob” ของ SSL ซึ่งพัฒนามาตั้งแต่คอนโซล 4000 E series รุ่นดั้งเดิม และสามารถสลับไปใช้เสียงลักษณะของ EQ จากคอนโซล G series ได้ ช่วยให้สามารถเลือกเสียงของแต่ละแชนแนลได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความ “ดิบ” ของรุ่น E หรือความแม่นยำและกระชับของรุ่น G
“เราเซ็ตทั้ง 96 แชนแนลให้ใช้ G-EQ ทั้งหมด” Gilkey เผย “ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เราได้ความ punch และฮาร์มอนิกที่โดดเด่นจาก EQ ของ Duality อีกทั้งเรายังสามารถเพิ่ม harmonic drive ให้กับทุกแชนแนลได้ และสามารถดัน EQ และคอมเพรสเซอร์ได้แตกต่างจากคอนโซลรุ่นก่อนอย่างเช่น 9000 K ที่เราเคยใช้”
Gilkey ยังกล่าวด้วยว่า หลายคนมักมองข้ามเรื่องการตั้งระดับสัญญาณ (gain staging) ที่ถูกต้อง“ถ้าทำได้พอดี แล้วดัน EQ ไปจนเกือบถึงขอบของ distortion มันจะได้เสียงที่ทรงพลังมากจาก SSL โดยเฉพาะกับเสียงกลองและย่านความถี่ต่ำ”
Fusion ช่วยเพิ่มมิติทางเสียง
Duality Fuse ของ SSL มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์มิกซ์บัสอนาล็อกแบบบูรณาการที่ชื่อว่า Fusion ซึ่งช่วยเพิ่มมิติและสีสันให้กับเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเอฟเฟกต์ Vintage Drive และ Stereo Image Gilkey กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า“Fusion เป็นเครื่องมือที่เหลือเชื่อ ผมไม่เคยมีความสุขกับฮาร์ดแวร์ชิ้นไหนเท่านี้มาก่อน ผมมักจะบอกเสมอว่า SSL จะเพิ่มมิติให้กับเสียงได้เสมอเมื่อใช้งานอย่างถูกต้อง และ Fusion ก็ยกระดับเรื่อง Harmonic Distortion และ Stereo Image ขึ้นไปอีกขั้น”
Gilkey และทีมงาน Aftermath เคยพยายามชักชวนให้ Dr. Dre เปลี่ยนจากคอนโซลรุ่นเก่า 9000 K มาใช้ Duality แต่ Dre ยังลังเลจนกระทั่งช่วงที่กำลังทำงานอัลบั้มใหม่ของ Snoop Dogg ชื่อ MissionaryGilkey เล่าไว้ว่า ตอนนั้นเรานั่งอยู่ในสตูดิโอของ Dre กับ Eminem และ Dre กำลังเปิดอัลบั้มให้ Eminem ฟัง Dre ถาม Marshall [Eminem] ว่า เฮ้นายใช้ Duality ไหม? เป็นยังไงบ้าง? การเรียกคืนการตั้งค่ามันเร็วขึ้นหรือเปล่า? Marshall ก็ชม Duality แล้ว Dre หันมาหาผมพร้อมบอกว่า ‘เอาเลยสั่งมาเลย’ และนั่นก็จบเรื่อง”
Gilkey กล่าวว่า การเปลี่ยนจากคอนโซล SSL รุ่นเก่าไปเป็น Duality Fuse นั้นเป็นไปอย่างง่ายดาย“ทีมงาน SSL มาช่วยอบรมเราแบบเข้มข้นถึงสองวันเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ การตั้งค่า routing ฯลฯ ซึ่งช่วยให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่นมาก แต่ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์กับคอนโซลขนาดใหญ่ของ SSL รุ่นก่อน ๆ คุณจะสามารถใช้งานและควบคุมคอนโซลนี้ได้ไม่ยากเลย ทางด้านรูปลักษณ์ก็เป็นการเปลี่ยนผ่านที่ง่าย แตกต่างกันที่ตัวเลือกทางเสียงที่มากขึ้นอย่างชัดเจน”
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Comments