Resonance Studios ที่มี Synthesizer อย่างครบวงจรที่สุดใน U.K. กับ Console อย่าง Solid State Logic ORIGIN

Resonance Studios ในสต็อกพอร์ต ใกล้เมืองแมนเชสเตอร์ กำลังฉลองครบรอบปีแรกของสตูดิโอ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของ คอลเลกชันซินธิไซเซอร์ เครื่องกลอง เครื่องซามเพลอร์ และเอฟเฟกต์ยูนิตที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในสหราชอาณาจักร ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ยุค 1950s จนถึงปัจจุบัน

ตั้งแต่เปิดตัวในวัน 808 Day (8 สิงหาคม) ปี 2024 สตูดิโอได้พัฒนาต่อยอดและขยายพื้นที่ด้วยการติดตั้ง ด้วยมิกซ์ซิ่งคอนโซลอะนาล็อก Solid State Logic ORIGIN 16 Channel และเมื่อไม่นานมานี้ยังได้เพิ่ม ห้องกลอง ห้องร้องและห้องรีแอมป์ รวมถึง ห้องบันทึกเสียงสด ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตที่ Jimi Hendrix เคยแสดงอย่างโด่งดังในช่วงต้นปี 1967

เครื่องดนตรีกว่า 300 ชิ้นส่วนใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของ คอลเลกชันส่วนตัวของนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ John Pilkington ซึ่งเคยเก็บบางส่วนไว้ในสตูดิโอส่วนตัวของเขา แต่การเก็บรักษาคอลเลกชันขนาดใหญ่นี้ก็มีค่าใช้จ่ายสูง เขากล่าวว่า “ดังนั้นเราจึงตัดสินใจว่าน่าจะเป็นไอเดียที่ดีในการเริ่มต้นสตูดิโอ”

เมื่อถึงขั้นตอนการหาคอนโซลเพื่อทดแทนบอร์ดอายุ 30 ปีของเขา Pilkington และทีมงานได้ทำการศึกษาอย่างรอบคอบ และในที่สุดได้เลือก คอนโซล ORIGIN ขนาด 16 Channel ของ SSL “เรายังได้พูดคุยกับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์หลายคนที่เคยใช้คอนโซลนี้ และทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า SSL กำลังทำสิ่งที่พิเศษมากกับ ORIGIN”

ORIGIN 16: คลาสสิก SSL กับเวิร์กโฟลว์ไฮบริด

“ORIGIN ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเรา มันถูกออกแบบและผลิตในสหราชอาณาจักร โดยอิงจากประวัติศาสตร์และฟีเจอร์สำคัญที่ SSL เคยนำมาใช้ในคอนโซลรุ่นก่อน ๆ เช่น EQ แบบ ‘242’ ของ E Series และ G Comp การวัดระดับสัญญาณก็เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะในส่วนกลางของคอนโซล มี modular centre section ทำให้หน้าจอใกล้ผู้ใช้งานมากขึ้นเวลาคอมพ์เสียงหรือทำการแก้ไขรายละเอียด”

“SSL เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับวัสดุที่มีทรานเชียนต์เร็ว และเรามีเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์มากมาย เราต้องการโซลูชันการมิกซ์แบบไฮบริดที่สามารถเชื่อมต่อกับ DAW แบบ inline และในเวลาเดียวกันก็ให้ความสามารถในการบันทึกและสลับระหว่าง DAW inline กับ input ที่บันทึกไว้ได้อย่างรวดเร็วซึ่ง SSL ตอบโจทย์ข้อนี้ด้วยฟังก์ชัน path-flip และการตั้งค่า short/long fader”

Pilkington อธิบายเพิ่มเติมว่า เซสชันมักรันด้วย DAW returns บน short fader “แต่เมื่อมิกซ์ เราก็แค่สลับไปยัง long fader เพียงกดปุ่มเดียว ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เจ๋งมาก เราใช้ EQ และฟิลเตอร์ทำความสะอาดเสียงที่พร่ามัว และใช้โปรเซสเซอร์เอาต์บอร์ดบนอินเสิร์ตเมื่อจำเป็น เราเพิ่งขยายฟังก์ชัน patching ให้รองรับการประมวลผล inline เพิ่มขึ้น แต่การมีระบบไฮบริดหมายความว่าเราสามารถย้ายแทร็กไปยังช่องทางต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพา patchbay มากเกินไป”

มุมมองใหม่ต่อดนตรีอิเล็กทรอนิกส์

คอลเลกชันเครื่องดนตรีวินเทจและเครื่องสมัยใหม่ของ Resonance ดึงดูดโปรดิวเซอร์ นักดนตรี และผู้ที่ชื่นชอบดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง Tom Sharkett โปรดิวเซอร์ประจำสตูดิโอ ซึ่งเล่าว่า ORIGIN มีอิทธิพลต่อเวิร์กโฟลว์ของเขา “ผมพบว่าการกระจายมิกซ์ลงบน SSL ในรูปแบบที่ดั้งเดิมมากขึ้น สิ่งที่โปรดิวเซอร์ส่วนใหญ่มักทำในคอมพิวเตอร์ ทำให้ผมได้มุมมองใหม่ทั้งหมดในการสร้างสรรค์ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ คุณจะได้คิดมากขึ้นกับแต่ละส่วนในระหว่างการบันทึกเสียง และเมื่อถึงเวลามิกซ์ คุณจะใช้หูฟังจริง ๆ แทนที่จะจ้องที่หน้าจอ มันอาจฟังดูเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ผมรู้สึกว่าการบันทึกและมิกซ์บนคอนโซลอนาล็อกเปิดโอกาสให้คุณคิดค้นไอเดียและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ”

Sharkett กล่าวต่อว่า “headroom ของคอนโซลนี้น่าทึ่งมาก และเป็นสิ่งที่ผมสนุกกับการใช้งานตอนมิกซ์อย่างยิ่ง ส่วน G Comp ก็แทบจะกลายเป็นอาวุธลับ โดยเฉพาะกับเพลงแนวอิเล็กทรอนิกส์และแดนซ์”

Pilkington เสริมว่า “เราใช้ G-Comp เป็นตัวเช็กคร่อมระหว่างการมิกซ์ โดยเฉพาะการประเมินว่าเสียง hi-hats แหลมเกินไปหรือไม่ เวลามิกซ์เป็นเรื่องง่ายมากที่จะปล่อยให้เสียงแฉหรือฉาบโดดออกมามากเกินไป การที่สามารถเปิดใช้งาน Bus Comp จากส่วนกลางของคอนโซลได้จึงสะดวกมาก”

SSL BiG SiX และ SSL 2+ MK II

Resonance ยังติดตั้ง SSL BiG SiX mixer บนแท่นเคลื่อนที่ รวมถึง อินเตอร์เฟซเสียง SSL 2+ MKII จำนวนสองตัว เครื่องซินธ์ ซามเพลอร์ และเครื่องกลองถูกจัดเรียงตามลำดับยุคสมัยของการเปิดตัวรอบ ๆ สตูดิโอ และเชื่อมเข้ากับชุด patchbay หลายชุด Pilkington อธิบายว่า “ความเป็น plug-and-play และการใช้งานที่ง่ายของ BiG SiX ทำให้เราสามารถรันเครื่องดนตรีหลายชิ้นในการทำ breakout session ได้จากทุกมุมของสตูดิโอ เรายังมี SSL 2+ MKII interfaces ซึ่งมีช่องหูฟังสองชุด แยกสำหรับเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นด้วย”

“นอกจากนี้เรายังติดตั้ง SSL 500 Series dynamics modules ไว้ในส่วนกลางของ ORIGIN แทนที่จะเป็นในแร็ก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เกิดจากการออกแบบ modular master section ที่ยืดหยุ่นของคอนโซลรุ่นนี้”

แม้จะโฟกัสหลักไปที่ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ แต่ Resonance Studios ก็พัฒนาเพื่อเปิดรับทุกแนวเพลง Pilkington กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราได้จ้างโปรดิวเซอร์เพิ่มที่เชี่ยวชาญด้านวงดนตรีและแจ๊ส และกำลังสร้างห้องบันทึกเสียงใหม่ ๆ รวมถึงใน ถ้ำหินทราย ที่เคยเป็นที่ตั้งของคลับ Sinking Ship อดีตสถานที่ที่ Hendrix เคยเล่น การเปิดพื้นที่ใหม่เหล่านี้จะช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถบันทึกเสียงกีตาร์ กลอง และร้องได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับศิลปินมากยิ่งขึ้น”

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

Sharkett กล่าวว่าฟังก์ชัน comms ของ ORIGIN มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากห้องบันทึกสดใหม่ ๆ ถูกสร้างไว้ที่ชั้นล่างของสตูดิโอ “สิ่งที่สำคัญคือเราต้องสามารถสื่อสารกับศิลปินผ่านฟังก์ชัน talk-back เพียงกดปุ่มเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งฟีดที่แตกต่างกันกลับไปยังศิลปินได้ เช่น เราใช้ cues ของ ORIGIN เพื่อส่งมิกซ์ที่มี reverb และ/หรือ slap effect เล็กน้อยให้ศิลปินฟังระหว่างการบันทึก โดยเอฟเฟกต์เหล่านี้จะไม่ถูกบันทึกลงไปในแทร็กจริง”

ลูกค้ากลุ่มแรก ๆ ที่มาเยือน Resonance รวมถึงนักดนตรีระดับนานาชาติที่แวะเข้ามาทำเพลง และงานแพ็กเกจเช่าอุปกรณ์ขนาดใหญ่สำหรับงาน BRIT Awards 2024Pilkington เผยเพิ่มเติมว่า “สตูดิโอยังจัด เซสชันบันทึกเสียงฟรีทุก ๆ สองเดือน สำหรับศิลปินที่ยังไม่มีสังกัด และเราเพิ่งเสร็จสิ้นความร่วมมือครั้งแรกกับ CDR (Create Define Release) จากลอนดอน โดยเราเชิญศิลปินท้องถิ่น 5 คนเข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับการทำ Sampling และ Synthesis และสร้างคอนเทนต์เพื่อนำไปแชร์ในเครือข่าย CDR”

ขอบคุณข้อมูลจาก :

https://solidstatelogic.com/media/resonance-studios-expands-audio-capabilities-with-solid-state-logic-origin