The Music Station ของ Warner Music Spain ติดตั้ง Solid State Logic ORIGIN และคอนโทรลเลอร์ตระกูล U Series ครบชุด
- Vintage Studio
- 24 ก.ค.
- ยาว 1 นาที
Warner Music Spain และ Warner Chappell Music ได้เปิดตัวศูนย์กลาง Production ใหม่ในกรุงมาดริดที่มีชื่อว่า The Music Station เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานของศิลปินโดยเฉพาะ
ศูนย์แห่งนี้ถูกออกแบบและสร้างขึ้นภายในสถานีรถไฟเก่า Príncipe Pio North Station ในกรุงมาดริด โดยภายในประกอบด้วยห้องผลิตผลงานดนตรีหลายห้อง ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์จาก Solid State Logic อย่างครบครัน รวมถึงมิกซ์คอนโซลแอนะล็อก SSL ORIGIN ขนาด 32 Channel ในห้องบันทึกและมิกซ์เสียง และมีการติดตั้ง U Series controllers รวมถึง SSL 2+ audio interfaces ในห้องโปรดักชันย่อยอีกด้วย

“เรามีสตูดิโอทั้งหมดห้าห้อง หนึ่งในนั้นติดตั้งระบบ Dolby Atmos ซึ่งเป็นห้องที่มีมิกเซอร์ ORIGIN อยู่ จากนั้นก็มีห้องโปรดักชันอีกสองห้อง และอีกสองห้องที่มี vocal booth สำหรับการเขียนเพลงและการอัดเสียงขนาดเล็ก” อัลบาโร มาริน (Álvaro Marin) หัวหน้า Sound Engineer ซึ่งเป็นหนึ่งในสามวิศวกรประจำของศูนย์นี้กล่าว
แต่ละห้องโปรดักชันทั้งสี่ห้องถูกติดตั้งด้วย คอนโทรลเลอร์ SSL UF8 จำนวน 2 ตัว สำหรับควบคุม DAW, คอนโทรลเลอร์ปลั๊กอิน UC1 และ Audio Interface SSL 2+ สำหรับการเชื่อมต่อเสียง
โดยในห้องเขียนเพลงจะมี SSL 12 สองตัวไว้ให้เลือกใช้งานเมื่อต้องการ I/O ที่มากขึ้น
สตูดิโอทั้งหมดนี้เปิดให้ศิลปินที่เซ็นสัญญากับค่ายเพลงหรืออยู่ภายใต้สังกัดของ Warner Music Group Publishing สามารถจองใช้งานได้ “บางห้องมีการใช้งานสูงสุดถึงสามหรือสี่เซสชันต่อวันเลยทีเดียว”

The Music Station ครอบคลุมพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร (เกือบ 108,000 ตารางฟุต) บนพื้นที่สามชั้นของสถานีรถไฟเก่า ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1861 และถูกปล่อยทิ้งร้างมานานประมาณ 40 ปี ก่อนจะเริ่มมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปี 2018 ปัจจุบัน โถงกลางของสถานีถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตที่จุคนได้ถึง 2,000 คน (แบบนั่ง 1,000 คน) นอกจากนี้ยังมีเวทีขนาดเล็กสำหรับแสดงผลงาน
พร้อมระบบเสียง immersive แบบ 11.1.6, เวทีถ่ายทำพร้อมฉากกรีนสกรีน, ห้องซ้อม, สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และพื้นที่ทำงานแบบ co-working สำหรับพนักงาน
ซึ่งมิกเซอร์ ORIGIN ถูกติดตั้งไว้ใน Studio One ซึ่งเป็นห้องที่มองเห็นสถานีรถไฟปัจจุบัน และรองรับระบบเสียง Dolby Atmos 9.1.6 สำหรับการฟังและมิกซ์แบบ immersive “ตั้งแต่เราเริ่มทำงานกับระบบ Atmos เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรามิกซ์ผลงานให้ Warner Music ไปแล้วเกือบ 150 เพลง” มารินกล่าว “ทาง Dolby Labs ก็มีส่วนร่วมอย่างมากในโปรเจกต์นี้ด้วย”

SSL ORIGIN เป็นหัวใจหลักของสตูดิโอ
มิกเซอร์ ORIGIN มักถูกใช้งานหลักในงานบันทึกเสียง ร่วมกับห้องแสดงสดที่อยู่ติดกัน ซึ่งมีขนาดประมาณ 35 ตารางเมตร (370 ตารางฟุต) รวมถึงใช้สำหรับมิกซ์การแสดงสดในเวทีคอนเสิร์ตเพื่อนำไปเผยแพร่แบบสตรีมมิ่ง
“เรามีระบบเครือข่าย Dante อยู่ในพื้นที่แสดงสด ซึ่งสามารถส่งสัญญาณเข้าสู่ ORIGIN ได้โดยตรง ทำให้เราสามารถกระจายสัญญาณไปยังช่องอินพุตของคอนโซลหรือจุดอินเสิร์ตต่าง ๆ ได้ตามต้องการ เราใช้เวิร์กโฟลว์แบบนี้บ่อยมากในการอัดเสียง โดยเฉพาะการอัดกลอง หรือการ tracking แบบเต็มวงในห้องอัดของเรา” มารินกล่าว
มาริน ซึ่งทำงานที่ The Music Station ตั้งแต่เปิดใหม่ ๆ จึงมีประสบการณ์กับ preamp และ EQ บน ORIGIN “เราใช้ preamp ของ ORIGIN สำหรับงานอัดกลองและเซสชันใหญ่ ๆ ตัว preamp ให้เสียงที่ใสมาก ยกเว้นเมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชัน ‘DRIVE’ ซึ่งจะเพิ่มความดิบให้กับเสียง ส่วน EQ นั้นถือว่าเป็นฟีเจอร์โปรดของผมเลยแต่ถ้าต้องเลือกจริง ๆ ความยืดหยุ่นด้านการ routing ต่างหากที่ผมมองว่ามีประโยชน์มากกว่าเพราะมันสามารถทำอะไรได้หลากหลาย เช่น parallel processing หรือการส่งสัญญาณไปในจุดต่าง ๆ ของคอนโซล”
เขากล่าวต่อว่า “มันเป็นเวิร์กโฟลว์ที่เรียบง่ายมากสำหรับพวกเรา ระบบ inline ทำให้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ EQ กับ Large Fader หรือ Small Fader ซึ่งผมชอบตรงนี้มาก และที่ไม่มีเมนูดิจิทัลอะไรเลย ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างอยู่ตรงหน้า ใช้งานได้ทันที บางครั้งเราอาจมีโปรดิวเซอร์อยู่ในห้องพร้อมกันสอง สาม หรือสี่คน เราก็สามารถส่งสัญญาณจากพวกเขาเข้าไปที่คอนโซลได้หมด และทุกคนก็สามารถได้ยินเสียงของตัวเองนั่นเป็นประโยชน์ที่ยอดเยี่ยมเลย ผมเองยังอยากได้ ORIGIN รุ่น 16 แชนแนลมาใช้ส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ มันเป็นคอนโซลที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Comments